การออกแบบบ้านให้เหมาะกับสรีระ และการใช้งานในชีวิตจริง

การจอดรถนั้น ทำได้ไม่มีปัญหา แต่ปัญหาคือ เวลาจะขึ้นหรือลงจากรถนี่แหละ ที่เป็นปัญหา เพราะระยะเปิดประตูมันไม่พอ ช่องว่างที่เราจะขึ้นลงเปิดได้น้อยมาก

เพราะระยะห่างระหว่างรถไม่พอ อีกฝั่งก็ชนผนัง หรือชนตัวบ้าน ยังไม่ต้องคิดถึงปัญหาอื่นๆ เช่นการต้องเอาของบางอย่างขึ้นรถด้วย บางคนตัวใหญ่มาก หรือบางบ้านมีเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุที่ต้องการการประคองตัวเพื่อขึ้นรถ การแทรกตัวเข้าออกจากช่องแคบนั้น เป็นไปไม่ได้เลย

แม้แต่คนผอมๆยังลำบาก แขม่วพุงแล้วแขม่วอีก เพราะบางทีประตูแง้มเปิดได้แค่ 30-40 องศา วันไหนพลาด เปิดแรงไป ก็ไปกระแทกกับตัวถังรถอีกคันจนบุบ เสียอารมณ์ไปอีก

ใครยังนึกภาพไม่ออก ก็ลองนึกเวลาไปจอดรถตามห้าง แล้วออกไม่ได้ นั่นแหละ ปัญหาแบบเดียวกัน

คิดดูว่า เราต้องใช้ชีวิตกับโรงรถแบบนี้ ไม่ใช่วันสองวัน ครั้งสองครั้ง แต่ตราบเท่าที่เรายังอยู่บ้านหลังนี้ หรือชั่วชีวิต

หลังๆก็เริ่มเบื่อกับปัญหาที่แก้ไม่ได้ เพราะคงไม่มีใครอาจหาญไปทุบบ้าน ออก เพื่อขยายโรงจอดรถ หนักเข้าก็เลยเปลี่ยนโรงรถ เป็นโรงเก็บของไปซะ

ย้ายรถก็ไปจอดเอาหน้าบ้าน ถ้ามีหลายคันก็จอดล้ำไปหน้าบ้านคนอื่น ทะเลาะกับเพื่อนบ้าน บางทีก็ถึงลงไม้ลงมือ ถึงแก่ชีวิตก็มี ทั้งที่ก็ดูฤกษ์ดูยาม ทำบุญก่อนปลูกบ้านกันหมด เพราะหวังสิ่งดีๆให้บังเกิด

แต่กลับได้คุณภาพชีวิตแย่ๆแบบนี้ เพราะปัญหาจริงมันอยู่ที่ตัวแบบบ้านที่เรามี มันออกแบบมาไม่สอดคล้องกับการดำเนินชีวิตจริงนั้นเอง

ดังนั้นสิ่งแรกที่คนอยากมีบ้านต้องนึกถึง ไม่ใช่การตามหาคนทำแบบบ้านราคาถูกๆ หรือแบบบ้านแจกฟรี เพราะแบบบ้านที่ไม่มีคุณภาพนั้น สร้างปัญหาให้เจ้าของบ้านได้ในทุกรูปแบบ ตั้งแต่รายละเอียดโครงสร้างหลุด การจบงานโครงสร้าง ลามไปถึงการทำให้เกิดงบบานปลายได้เลย

การได้แบบบ้านถูกหรือฟรี จะเข้าทำนองเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่ายทันที เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น อย่างที่แจ้งไว้ตอนต้นว่า แก้ยากหรือแก้ไม่ได้เลย