ที่มาของคำถามปวดตับ กับรับสร้างบ้าน ตารางเมตรละเท่าไหร่?? ตอนที่ 1

การคำนวนหาราคาต่อตารางเมตรในการสร้างบ้านซักหลังนั้น มีกระบวนการขั้นตอน ดังนี้

อันดับแรกคือ เขียนแปลน เขียนแบบบ้านออกมาจนเสร็จสมบูรณ์

อันดับที่ 2 เราจะได้เอกสารรายการคำนวนวัสดุ อีก 1 ฉบับ หรือที่เรียกกันติดปากว่า BOQ

ซึ่งในส่วนแปลนนั้น ทางแอสเซทอัพเอง จะใช้ทั้งแปลนแบบรูปเล่ม และไฟล์แปลนแบบ autocad ในการเข้ามาคำนวนราคา เพราะโดยประสบการณ์พบว่า หลายต่อหลายครั้งรายละเอียดในรายการคำนวนวัสดุ (BOQ) ก็มีจุดผิดพลาดบ่อย ตกหล่นรายละเอียดสำคัญ ส่งผลให้คำนวนราคาก่อสร้างบ้านผิดตามไปด้วย ซึ่งส่งผลให้ เกิดการเข้าใจผิด หรือทะเลาะกันระหว่างบริษัทรับเหมาก่อสร้างและเจ้าของบ้านได้

เมื่อได้ข้อมูลทั้ง 3 ส่วนนี้ จึงจะนำมาคำนวนหาราคาก่อสร้างบ้านหลังนั้น ๆ ซึ่งการคำนวนจะแยกเป็นในส่วนของวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง รวมถึงงานตกแต่ง และในส่วนของค่าแรงการทำงาน และอื่น ๆ อีกนิดหน่อย ตามแต่ลักษณะของบ้าน แต่ก็ถือว่าไม่ได้มีนัยสำคัญมากเท่าไหร่ เมื่อได้ตัวเลขก่อสร้างเรียบร้อย จึงจะนำมาหารด้วย พื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน จึงจะได้ราคาก่อสร้างบ้านที่เป็นค่าเฉลี่ยต่อตารางเมตรออกมาในท้ายที่สุด

วิธีนี้ คือการได้ราคาสร้างจริง ราคาปัจจุบัน ราคาที่ตรงกับรายละเอียดของสเป็กตัวบ้านทั้งหมด เป็นราคาที่ทำให้เราได้บ้าน 1 หลังออกมาไม่ขาดไม่เกิน ไม่มีประเด็นใด ๆ เพราะรายละเอียดทุกอย่างถูกกำหนดและควบคุมไว้ด้วยเอกสารทั้งหมดอย่างชัดเจนแล้ว

แล้วปัญหาปวดตับ เกิดตอนไหน ถ้าลองลำดับเรื่องราวตามมา จนเห็นที่มาของราคาก่อสร้างบ้านต่อตารางเมตร จะเข้าใจได้ทันทีเลย เพราะคนส่วนใหญ่เอารูปบ้านที่ชอบ ที่ถูกใจมาให้ดู แล้วก็ถามว่า จะสร้างบ้านแบบนี้ สร้างได้ตารางเมตรเท่าไหร่ ??

คำตอบที่ถูกต้อง คือ ไม่สามารถทราบได้เลย คำถามคือ มีแค่รูป รายละเอียดอย่างอื่นไม่มีเลย จะสามารถแจ้งราคาที่ถูกต้องได้อย่างไร แล้วถ้าแจ้งไป จะเป็นราคาที่สร้างบ้านได้จริงหรือเปล่า เพราะมันขัดแย้งกับวิธีคำนวนหาราคาก่อสร้าง แบบกลับหัวกลับหางกันเลยทีเดียว

เมื่อความถูกต้องไม่มี คนที่เสียเปรียบจริง ๆ แล้วคือเจ้าของบ้าน เพราะหากตกลงทำสัญญาก่อสร้างไปแล้ว (ในราคาหอมหวาน) แต่เมื่อลงมือก่อสร้างไปแล้ว จะมีค่าใช้จ่ายส่วนต่าง ๆ ตามมา เบิกเป็นบิลเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หรือที่เรียกว่า งบบานปลาย (ในความเป็นจริงเป็นราคาก่อสร้างจริงที่ต้องจ่าย แต่ถูกบังตาด้วยราคาต่ำเสียก่อน) ที่ว่าเสียเปรียบคืออะไร แน่นอนว่า ถ้ามีบิลที่เกินจากราคาที่ตกลงตอนแรก ไม่จ่ายได้ไหม ได้ แต่บ้านไม่เสร็จ นี่แหละเสียเปรียบเต็ม ๆ สุดท้าย เค้ากดเท่าไหร่ ก็ต้องจ่ายเท่านั้น

จริงอยู่ว่า ส่วนหนึ่งเป็นจริยธรรมที่บกพร่องของบริษัทรับเหมา หรือมิจฉาชีพที่แฝงตัวมา แต่ปัญหาคือ เจ้าของบ้าน ใช้ราคาต่ำ เป็นตัวกำหนดเกมนี่แหละ ตาลุกวาวในราคาตอนแรก สุดท้ายก็ต้องรับสภาพไปเต็ม ๆ

พอเจอแบบนี้ก็ต้องไปลุ้นต่ออีกเหมือนเกมส์โชว์ ว่าแล้วสเป็กบ้านจะโดนสอดไส้ วางยาอะไรอีกบ้าง นอนไม่หลับไปอีกหลายปี

กำลังมันส์เลย แต่ต้องพักตอนที่ 1 ไว้เท่านี้ก่อน ไว้มาต่อกันตอนที่ 2 อีกที